แหล่งโบราณคดีบ้านก้านเหลือง
แหล่งโบราณคดีบ้านก้านเหลือง ตั้งอยู่ที่บ้านก้านเหลือง ภายในวัดบ้านก้านเหลือง ต.ขามใหญ่ อ.เมือง จังหวัดอุบลราชธานี ห่างจากตัวจังหวัด ไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 5 กิโลเมตร บริเวณตรงข้าสวนวนารมณ์
บ้านก้านเหลือง เป็นชื่อหมู่บ้านที่มีดงไม่ยืนต้น ประเภทไม้เนื้อแข็ง แก่นของลำต้นมีสีเหลืองขึ้นอยู่เป็นจำนวนมาก เป็นแหล่งโบราณคดีสมัยก่อนประวัติศาสตร์ที่มีหลักฐานพฤติกรรมของมนุษย์ในอดีตสมัยก่อนที่จะมีตัวหนังสือใช้ในแถบนี้ มีอายุประมาณ 1,500 - 2,500 ปีมาแล้ว โดยสำรวจพบโบราณวัตถุจำนวนมาก เศษภาชนะดินเผากระจัดกระจายบนเนินดินด้านทิศตะวันออกของวัดบ้านก้านเหลือง
และเมื่อทำการขุดค้นทางโบราณคดีแล้ว ได้จัดทำเป็นพิพิธภัณฑสถานประจำแหล่งโบราณคดี เพื่อจัดแสดงเรื่องราวพฤติกรรมของมนุษย์ในอดีต คติความเชื่อในการฝังศพสมัยโบราณ ให้แก่คนในสังคมปัจจุบันได้ศึกษาหาความรู้ต่อไป
แหล่งโบราณคดีแห่งนี้ มีประวัติการค้นพบ เริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2534 เป้นต้นมา ได้ปรากฎข่าวการค้นพบโบราณวัตถุจากการขุดไถปรับพื้นที่เพื่อทำบ้านจัดสรรในบริเวณบ้านก้านเหลือง จนหลักฐานต่างๆ ทางโบราณคดีถูกทำลายเสียหายเป็นจำนวนมาก
กรมศิลปากรจึงจัดทำโครงการเพื่อหางบประมาณมาทำการสำรวจศึกษา และเก็บข้อมูลทางวิชาการไว้ และในปี พ.ศ.2535 หน่วยศิลปากรที่ 6 อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กองโบราณคดีซึ่งรับผิดชอบพื้นที่เขตอีสานล่างในขณะนั้น (ปัจจุบัน อยู่ในความดูแลของสำนักานโบราณคดีและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่ 8 อุบลราชธานี) ซึ่งได้ทำการสำรวจขุดค้นทางโบราณคดี และศึกษาหลักฐานต่างๆ พร้อมกับจัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานประจำแหล่งโบราณคดี
กรมศิลปากร ได้วางแนวทางการอนุรักษ์แหล่งโบราณคดีบ้านก้านเหลืองไว้ โดยการสำรวจหลักฐานที่พบบนผิวดินและเก็บข้อมูลวิชาการ เพื่อศึกษาวิเคราะห์ทางโบราณคดี จึงต้องขุดค้นหาหลักฐานที่อยู่ในชั้นดินที่ลึกลงไปกว่าชั้นดินปัจจุบัน โดยได้เลือกบริเวณที่ไม่ถูกรบกวนเป็นหลุมขุดค้นทางโบราณคดีขึ้น 2 หลุม ขุดลงไปทีละชั้นจนกระทั่งถึงชั้นดินที่ปราศจากการกระทำของมนุษย์
ผลของการขุดค้นศึกษาและวิเคราะห์หลักฐานต่างๆ สรุปว่า บริเวณบ้านก้านเหลืองในอดีต มีคนเข้ามาใช้พื้นที่นี้ตั้งแต่เมื่อ 1,500 - 2,500 ปีมาแล้ว เป็นคนในยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายต่อกับระยะเริ่มต้นประวัติศาสตร์
หลักฐานที่พบในระดับลึกที่สุด
จัดให้อยู่ในสมัยของคนก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย (ยุคโลหะตอนปลาย)
พบหลักฐานเครื่องมือเหล็ก ขี้แร่ที่เหลือจากการถลุงแกลบข้าว เศษศภาชนะดินเผา
เครื่อมือช่วยปั้นหม้อที่เรียกว่า หินดุ
แท่งดินเผาไฟ
หลักฐานที่สำคัญที่สุด คือ กาคค้นพบภาชนะบรรจุกระดูกกระดูกขนาดใหญ่จำนวน 11 ใบ 7
แบบ โดยภาชนะในกลุ่มรูปทรงรี พบอยู่ในชั้นดินลึกที่สุด
ต่อมาพัฒนาเปลี่ยนแปลงรูปทรงภาชนะเป้นทรงกลมแทน
จึงได้พบรูปทรงกลมอยู่ในชั้นดินที่สูงกว่า ภาชนะทั้ง 2
ทรงเป็นภาชนะที่มีฝาปิดเสมอ
แม้ในการขุดค้นภาชนะขนาดใหญ่ดังกล่าว จะไม่พบร่องรอยของชิ้นกระดูกอยู่ภายในเลยก็ตาม
แต่ได้นำตัวอย่างดินที่พบในภาชนะนั้น
ไปให้นักวิทยาศาสตร์ของกรมศิลปากรวิเคราะห์องค์ประกอบทางเคมีของดิน
พบว่าดินในภาชนะมีประมาณของฟอสเฟตและแคลเซียมในปริมาณที่มากกว่าดินทั่วไป
ทำให้เชื่อว่าน่าจะเกิดมาจากองค์ประกอบหลักทางเคมีของกระดูกที่อยู่ในรูปของฟอสเฟตและคาร์บอเนตของแคลเซียม
ซึ่งถูกย่อยสลายไปหมด
เนื่องจากความเป็นกรดของฝนชะในเวลานานหลายร้อยปี
ในภาคอีสานบริเวณลุ่มน้ำมูลและชี ได้ค้นพบภาชนะบรรจุกระดูกอยู่ทั่วไปด้วยเหมือนกัน
ซึ่งส่วนใหญ่มีกระดูกหักรวมกันอยู่ภายในภาชนะดินเผา
หรือที่เรียกกันว่าเป็นการฝังศพครั้งที่ 2 ภายหลักจากทำการทำศพครั้งแรก
แล้วทิ้งระยะเวลาไปช่วงหนึ่ง
จึงนำกระดูกมาใส่รวมกันในภาชนะมีเครื่องเซ่นศพฝังรวมกันไปด้วย
ประเพณีการฝังศพครั้งที่ 2 ในภาชนะ
พบว่ามีการแพร่กระจายเข้าไปในดินแดนลาวที่เรียกว่า ทุ่งไหหิน
และในประเทศเวียตนามด้วย
แหล่งโบราณคดีบ้านก้านเหลือง จึงอาจแสดงหลักฐานการฝังศพครั้งที่ 2
ของคนในสมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลาย อันเป็นสังคมที่รู้จักการเพาะปลูก (ข้าว)
รู้จักการถลุงโลหะ และทำเครื่องมือเครื่องใช้จากโลหะเหล็กและสำริด
รู้จักการปั้นภาชนะดินเผา อายุของชุมชนนี้อยู่ระหว่าง 1,500 - 2,500
ปีมาแล้ว
หลักฐานที่พบจากชั้นดินระดับบนๆ น่าจะมีอายุอยู่ในระยะเริ่มต้นสมัยประวัติศาสตร์ หรือที่เรียกว่า วัฒนธรรมทวารวดี โบราณวัตถุที่พบมี พวยกาดินเผา แววดินเผา เศษเหล็ก ขี้แร่ แท่งดินเผา ลูกปัดดินเผา กระพรวนสำริด และขวานเหล็ก เปรียบเทียบอายุสมัยโบราณวัตถุเหล่านี้ กับหลักฐานที่พบในแถบอิสานโดยทั่วไป มีอายุราวพุทธศตวรรษที่ 11-16
เว็บไซต์ในอุบลที่น่าสนใจ